ช่วงนี้มองเห็นน้องๆ หน้าใส บัณฑิตจบใหม่ออกหางานทำกันเยอะแยะมากมาย เราเองก็ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้หางานให้ได้โดยเร็วด้วยก็แล้วกัน น้องหลายคนอาจจะกำลังเปรียบเทียบอยู่ก็ได้ว่า งานแบบนั้น กับงานแบบนี้ แบบไหนดีกว่ากัน เราก็ขอเอาประสบการณ์มาแชร์แนะนำกันกับ งานโรงแรม VS งานบริษัท อย่างไหนดีกว่ากัน
รายได้
ว่ากันเรื่องของรายได้ก่อน เรื่องนี้อาจจะเทียบกันยากสักหน่อยเนื่องจาก งานบริษัท และงานโรงแรม มีฐานเงินเดือนที่แตกต่างกัน แต่หากเทียบจากงานระดับวุฒิ ม.หก ก็ได้เงินไม่ต่างกันมาก แต่หากเป็นงานระดับวุฒิ ป.ตรี ถ้าเป็นกลุ่มงานทั่วไปไม่เฉพาะเจาะจง งานบริษัทจะได้เงินเยอะกว่า งานโรงแรม (นับเฉพาะฐานเงินเดือน) แต่งานโรงแรมจะได้เงินส่วนอื่นอย่าง ทิป และค่าล่วงเวลามากกว่า
ความก้าวหน้า
ด้านความก้าวหน้าของงาน ไม่ว่าจะเป็นงานบริษัทหรือ งานโรงแรม ปัจจัยสำคัญเรายกให้กับเรื่องของภาษาอังกฤษที่ต้องดีมาก ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน และสื่อสาร หากทำได้เป็นอย่างดีแล้ว ก็มาว่ากันที่ความสามารถพิเศษของตัวเอง หรือสายงาน ซึ่งเก่งมาก งานดี มีทีมก็ไปไวทั้งสองงาน แต่หากเป็นสายงานบริหารทั่วไป เรายกให้กับงานโรงแรมก้าวหน้าไปได้มากกว่าและเร็วกว่างานบริษัท
เวลา
การทำงานสมัยนี้เรื่องของเวลาทำงานก็เป็นปัจจัยสำคัญ คงไม่ดีแน่หากเราทำงานดี แต่ทำงานหนักจนทำให้ร่างกายทรุดโทรมต้องป่วย ต้องเข้าโรงหมออยู่ร่ำไป หากนับเรื่องเวลาการทำงานแล้ว บริษัท ถือว่าได้เปรียบโรงแรมอยู่เยอะ เนื่องจากทำงานบริษัทเวลาค่อนข้างแน่นอนมากกว่า ทั้งเวลาทำงานและวันหยุด นั่นทำให้เราสามารถวางแผนชีวิตได้ ส่วนโรงแรมเองอาจจะต้องทำงานเป็นกะ ซึ่งบางครั้งมันยังรวมถึงการเข้างานช่วงวันหยุดด้วยแปลว่า เราจะไม่ได้หยุดในวันที่คนอื่นหยุด หากครอบครัวเข้าใจก็ดี แต่ถ้าไม่เข้าใจก็อาจจะต้องคิดกันใหม่
สวัสดิการ
ด้านสวัสดิการ เรื่องนี้ก็ต้องหยิบมาพิจารณากันหน่อย หากไม่นับเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานของการทำงานมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ต้องมีสิทธิ์ประกันสังคมกันอยู่แล้ว งานบริษัท หากเทียบกับโรงแรมในระดับใกล้เคียงกัน มีสวัสดิการดีกว่า ทั้งวันหยุด วันลาและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บางโรงแกรมก็มีของเหล่านี้เหมือนกัน แต่บริษัทให้เยอะกว่า (อันนี้ต้องเทียบกันเองด้วย)
ความยาก ง่ายของงาน
ความยากง่ายของงานระหว่าง งานบริษัท และ งานโรงแรม อันนี้เราขอยกให้กับงานโรงแรมมากกว่า เนื่องจากงานโรงแรมต้องยุ่งเกี่ยวกับคนตลอดเวลา ทำให้มันมีเรื่อง มีปัญหาต้องแก้ไขตลอดเวลา แถมต้องมีการบริการอันดีเลิศด้วย ซึ่งการปะทะกับลูกค้าบางครั้งมันก็เป็นเรื่องยาก และเจอความเครียดไม่น้อยเลย ส่วนงานบริษัทหากไม่ใช่เซลล์ ก็อาจจะไม่ค่อยได้ปะทะกับลูกค้าโดยตรงมากนัก หรือบางคนทำงานส่วนสนับสนุน ก็แทบไม่เจอลูกค้าเลย ก็ดีหน่อย แต่ไม่ว่างานแบบไหนขอคนทำงานทุกคนสู้ต่อไป